เทศน์เช้า วันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๔๘
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
เวลาเทวดานะ ในพระไตรปิฎก เทวดามาถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มงคลชีวิตคืออะไร มงคลชีวิต เทวดาเขาไม่รู้จักมงคลชีวิต องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศน์มงคล ๓๘ ประการไง อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา
หนึ่ง มงคลข้อแรก ไม่คบคนพาล ให้คบบัณฑิตนะ
ถ้าไม่คบคนพาล คบบัณฑิต เราคบเพื่อนดี เราคบหมู่ดี เพื่อนจะพาเราไปที่ดี ถ้าเราคบสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ไม่ดี เพื่อนจะพากันไป แล้วเวลาที่ว่า สิ่งที่ว่าคบเพื่อนดีแล้วนะ แต่เพื่อนมันไม่มีวุฒิภาวะ ถ้าเพื่อนไม่มีวุฒิภาวะ เพื่อนก็พาไปตามประสาเพื่อนไง เพราะวุฒิภาวะของเด็กก็มีเท่านั้นล่ะ วุฒิภาวะของผู้ใหญ่ วุฒิภาวะของผู้ที่ประสบการณ์มาก บัณฑิตมันก็มีชั้นมีตอนขึ้นไปเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นมานะ
แล้วถึงที่สุด ไม่คบความคิดที่มันเป็นพาลไง ถ้าเราคิดไม่ดีกับตัวเราเอง ความคิด เราคบอารมณ์ เราคบความรู้สึก เราคบความคิดนะ นี่มงคลชีวิตอันหนึ่ง
เกิดในประเทศอันสมควร เกิดในประเทศอันสมควร เราเกิด ดูสิ เราอยู่ในยุโรป เราไปอยู่ในเมืองหนาว เวลาอากาศถึงเวลาหน้าหนาวนะ ราคาน้ำมันจะขึ้นลงตามฤดูกาลเลย น้ำมันจะขึ้นลงเพราะอะไร เพราะเขาต้องใช้ความอบอุ่นของเขามาก
เกิดในประเทศอันสมควร เกิดในประเทศที่ว่ามีความร่มเย็นเป็นสุข กับเกิดในประเทศที่มีแต่ความร้าวฉาน ดูบางประเทศสิ บางประเทศไม่มีความสุขเลย เขาฆ่ากันยกเผ่าเลยนะ ชำระล้างเผ่าพันธุ์ ฆ่ากันเป็นเผ่าพันธุ์เลย
แต่ของเราเกิดในประเทศอันสมควร เพราะเราเกิดในประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ
ศาสนาพุทธบอกว่า คนเรามันมีวุฒิภาวะของใจมันต่างๆ กัน ทาน ศีล ภาวนาต่างกันเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นมา นี้เกิดในประเทศอันสมควรนะ เกิดในพ่อแม่อันสมควร ในประเทศอันสมควร ประเทศคือเกิดจากครรภ์ของมารดาไง พ่อแม่เกิดจากพ่อแม่ที่ดี พ่อแม่เป็นสัมมาทิฏฐิ พ่อแม่จะพาลูกไปทางที่ดี พ่อแม่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ดูสิ ดูเวลาความประเทศอันสมควรหรือไม่สมควร
เราบอกว่า เกิดในศาสนาพุทธ ศาสนาสอนให้ดีๆ เวลาอยู่ทางภาคใต้ จนฆ่าพระก็ได้นะ ในศาสนา ในลัทธิต่างๆ เขาก็มองต่างกันกัน ในลัทธินะ ในลัทธิในความเห็นนั้น
แต่ในศาสนาพุทธเราบอกว่า เริ่มตั้งแต่ทาน เริ่มจากให้อภัยจากภายนอก แล้วก็ต้องให้อภัยกับตัวเองนะ ถ้าเราให้อภัยกับตัวเราเองไม่ได้ เห็นไหม เวลาเราคิดขึ้นมา เริ่มต้นเราตั้งเป้าขึ้นมา เพราะเราความคิดแบบเด็กๆ เราก็คิดว่าเราต้องใช้ชีวิตแบบนี้ ใช้ชีวิตแบบนี้ แต่พอเราโตขึ้นมา ชีวิตแบบนี้มันมีขอบจำกัดไง โลกมันกว้างมหาศาลเลย โลกมันกว้างมหาศาล เราจะเปิดชีวิตเราให้กว้างขนาดไหน
ถ้าเราเปิดชีวิตให้กว้างขนาดไหน นี่ให้อภัยกับตัวเอง คือความคิดอันแรกลบทิ้งมันไป ถ้าเราไม่ยอมให้อภัยกับตัวเอง เราจะยึดความคิดของเราไง เราคิดอย่างนี้ แล้วเราก็ยึดความคิดของเราอย่างนี้ ชีวิตเราก็มีแคบขนาดนี้ไง
ถ้าชีวิตเรากว้างขึ้นมา กว้างขึ้นไปมาก การให้อภัย ในศาสนาพุทธให้อภัยทุกๆ คน แล้วก็ให้อภัยกับตัวเอง
เวลาพระเราเป็นอาบัติ มีความผิดพลาดต้องปลงอาบัติ ปลงอาบัติคือว่า ข้าพเจ้าจะไม่ทำสิ่งนี้อีก แล้วข้าพเจ้าจะตั้งสติ ข้าพเจ้าจะทำสิ่งที่ดีๆ ขึ้นไป นี่เวลาปลงอาบัติ ปลงอาบัติอย่างนี้ ปลงอาบัติคือว่าเริ่มต้นชีวิต เริ่มต้นการกระทำใหม่ แต่สิ่งที่ทำมาแล้วมันก็มีการกระทำ มันก็มีกรรมไง
ศาสนาพุทธเราสอนเรื่องการกระทำนะ สอนเรื่องกรรม กรรมการกระทำ เกิดในประเทศอันสมควร เกิดในพ่อแม่อันสมควร เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ มงคลชีวิต เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ ถ้าเราเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ เลี้ยงด้วยปากอย่างหนึ่งนะ เรามีอาหารการกิน เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ด้วยปัจจัย ๔ อย่างหนึ่ง แต่เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ในศาสนาพุทธคือเลี้ยงหัวใจไง
ถ้าเราไปขัดใจ เราทำให้พ่อแม่เราเจ็บช้ำน้ำใจ อาการของใจ ความรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจสำคัญที่สุดนะ ถ้าอาการเจ็บปวดในหัวใจ เราทำกรรมไว้แล้ว นี่เป็นมงคลชีวิตถ้าเราสนองตอบต่อบุญคุณของพ่อแม่นะ
เราเกิดมา ทางวิทยาศาสตร์เขาบอกว่า พ่อแม่ไม่มีบุญคุณหรอก เพราะเป็นธรรมชาติ สิ่งที่ธรรมชาติคือการดำรงเผ่าพันธุ์ของมนุษย์
ถ้าดำรงเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ ถ้าเกิดมาไม่เลี้ยงล่ะ
หลวงตาท่านเปรียบไว้นะ เปรียบเหมือนเราหลงอยู่ในป่า เราหลงทางอยู่ในป่า แล้วมีพรานคนหนึ่งเขาเดินออกจากป่า เราเดินตามหลังพรานคนนั้นออกจากป่า พรานคนนั้นมีบุญคุณกับเราไหม พรานคนนั้นมีบุญคุณกับเรานะ เพราะพาเราออกจากป่าใช่ไหม
นี่ก็เหมือนกัน จิตของเราถ้าไม่มีแดนเกิด เกิดในประเทศอันสมควร จิตเราไม่มีแดนเกิด เราไม่เกิดกับพ่อกับแม่ เราจะไปเกิดจากที่ไหน ในเมื่อเราเกิดกับพ่อกับแม่ พ่อแม่เลี้ยงดู ทำไมพ่อแม่จะไม่มีบุญคุณ ถ้าพ่อแม่มีบุญคุณ ในศาสนาเรามันละเอียดอ่อนไง
ในศาสนาพุทธสอนเรื่องชีวิต สอนเรื่องความรู้สึก สอนเรื่องการเกิดและการตาย จิตนี้มาจากไหน เกิดนี้เกิดมาจากไหน เกิดมาดำรงชีวิตอย่างไร ตายแล้วไปไหน สอนหมด สอนว่า ถ้าจิตจะมาเกิดปฏิสนธิในครรภ์ของมารดานั้นต้องมีบุญมีกรรมร่วมกันมา สิ่งที่มีบุญมีกรรมร่วมกันมาถึงมาเกิดปฏิสนธิในครรภ์ของมารดา ถ้าครรภ์ของมารดา เราเกิดในแดนนี้แล้ว มีบุญคุณกับเรามหาศาลเลย เพราะให้ชีวิตกับเรา
เวลาพระเราออกมาบวช พ่อแม่ได้ ๑๖ กัป ๑๖ กัปตรงไหนล่ะ ๑๖ กัปเพราะเอาเลือดเนื้อเชื้อไขไง ไข่ของมารดานะ กับสเปิร์มของพ่อนะ แล้วเลี้ยงฟูมฟักเรามานะ กินเลือดคือกินน้ำนมของพ่อแม่ออกมา เอาชีวิตนี้มาบวชไง เอาร่างกายนี้มาสืบทอดศาสนาไง ถ้าสืบทอดศาสนา ร่างกายนี้ของพ่อแม่ เพราะดีเอ็นเอของพ่อแม่ กรรมพันธุ์ของพ่อแม่ แต่จริตนิสัยไม่ใช่ จริตนิสัย ความรู้สึกอันนั้น คือจิตที่ปฏิสนธิมาเกิดในครรภ์ของมารดาๆ อันนี้สืบต่อศาสนาจะได้ ๑๖ กัป สิ่งที่เอาเลือดเนื้อเชื้อไขของพ่อแม่มาสืบต่อศาสนา
เราก็เหมือนกัน ในเมื่อเรามีเลือดเนื้อเชื้อไขของพ่อแม่ เราทำไมจะไม่มีบุญคุณไง ศาสนาพุทธสอนกระจ่างแจ้งเข้าไปถึงเริ่มต้นตั้งแต่การเกิด เกิดเพราะเรามีบุญกุศลร่วมกันมา เราทำร่วมกันมา เราถึงมาเกิดเป็นพ่อเป็นแม่เป็นลูกเดียวกัน
เราอุปัฏฐากพ่อแม่เป็นมงคลชีวิตๆ อุปัฏฐากพ่อแม่ ถ้าเรามีการมีงานทำ เราเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่นี้ส่วนหนึ่ง เพราะเราเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ในชาติปัจจุบันนี้ แต่ถ้าเราเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ด้วยหัวใจ พ่อแม่จะมีความสุขตั้งแต่ในปัจจุบันนี้ ถ้ามีความสุข เราก็มีความสุขด้วย ถ้าพ่อแม่มีความทุกข์ พ่อแม่ไม่กล้าบอกเราหรอกว่ามีความทุกข์ แต่พ่อแม่ต้องการปรารถนาสิ่งใดก็ไม่กล้าพูดบอกเรา สิ่งนี้เก็บไว้ในหัวใจ
ถ้าเราปรนนิบัติ เราทำตามนี้เพราะอะไร เพราะสิ่งที่ประสบการณ์ อย่างที่ว่าวุฒิภาวะของใจที่มันต่างกัน พ่อแม่รักลูกมาก ความรักใดๆ ของโลกนี้ไม่มีเท่ากับพ่อแม่รักลูก เพราะพ่อแม่รักลูกนี้ไม่มีอคติเลย จะทำอย่างไรก็ยอมให้ทำนะ
แต่ความรักของโลก ความรักทั่วๆ ไป ความรัก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก ที่ไหนมีความรัก ที่นั่นมีความทุกข์ เพราะอะไร
เพราะต้องการ เรารักเขา ทุกคนต้องปรารถนาให้เขาตอบสนองรักเราเหมือนกัน แต่พ่อแม่รักลูก ไม่ต้องการผลตอบสนองจากลูก แต่ต้องการให้ลูกประสบความสำเร็จ พ่อแม่จะมีความสุขมากถ้าลูกมีความสำเร็จในชีวิต แค่มีความสำเร็จในชีวิต พ่อแม่ก็มีความสุขแล้ว
สิ่งที่ความสุข ความสุขอันนี้เกิดจากไหน เกิดจากหัวใจ เกิดจากความพอใจอันนั้น ถ้าเราอุปัฎฐากพ่อ อุปัฏฐากแม่ อันนี้เป็นมงคลชีวิตนะ เป็นมงคลชีวิตเพราะเรามีกตัญญูกตเวที ถ้าเป็นคนดี กลิ่นของศีลจะหอมทวนลม ถ้าเราอุปัฏฐากพ่อ อุปัฏฐากแม่ คนผู้เฒ่าผู้แก่เขาเห็นหมดแหละ เด็กคนไหนดี เด็กคนไหนไม่ดี สังคมไหนเขารู้ สังคมไหนเขาบอกเด็กคนนี้เป็นเด็กดื้อ เด็กคนนี้เป็นเด็กดี สังคมรู้ กลิ่นของศีลจะหอมทวนลม สิ่งนี้มันเป็นไปตามลม
เราอยู่ในสังคม เราก็อยู่ในสังคมโดยที่เชิดหน้าชูตา นี้เป็นการอุปัฏฐากพ่อ อุปัฏฐากแม่นะ ในมงคลชีวิต ถึงที่สุดจะมีทาน มีศีล มีภาวนา เห็นสมณะเป็นที่พึ่ง เห็นสมณะเป็นมงคลอย่างนี้ สมณะที่ไหนล่ะ สมณะที่หัวใจไง
แล้วสมณะต้องเป็นพระหรือ
สมณะไม่ใช่เป็นพระนะ สมณะ พระ นี่คือบริษัท ๔ แต่หัวใจเป็นสมณะหรือเปล่า
เราเหมือนกัน ถ้าเราอุปัฏฐากใจของเรา อุปัฏฐากพ่อแม่ ถ้าพ่อแม่มีความสุขขึ้นมา เป็นสมณะ เราเห็นทั้งพ่อทั้งแม่ พระอรหันต์ของลูกในบ้าน หนึ่ง พระอรหันต์จริงๆ ในหัวใจ หนึ่ง เพราะอะไร เพราะสามารถปฏิบัติจนจิตนั้นเป็นสมณะได้ ถ้าจิตเป็นสมณะได้ เป็นบุคคล ๘ จำพวก โสดาปัตติมรรค สกิทาคามิมรรค อนาคามิมรรค สิ่งนี้ขึ้นไปเป็นชั้นเป็นตอนขึ้นไป
ถ้าเราฝึกอุปัฏฐากตรงนี้ เราเปิดช่องตรงนี้ สิ่งใดนิวรณธรรมเป็นเครื่องกางกั้นจิตนะ นิวรณธรรม สิ่งที่เป็นนิวรณธรรมคือความฟุ้งซ่าน ทำให้จิตนี้เป็นความคิดออกไป
แต่ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะควบคุมสิ่งนี้เข้ามา มันจะสงบเข้ามา แล้วเราช่วยกันจุนเจือสิ่งนี้ให้มีความสงบเข้ามาเพื่อความสุข ความพอใจ มันจะสงบของมัน สมณะในหัวใจไง ถ้าเห็นความสงบของใจ เห็นพ่อแม่มีความสงบในหัวใจ เราเห็นทั้งพ่อทั้งแม่ด้วย เห็นสมณะด้วย คือใจมันเป็นสมณะไง ถ้าใจเป็นสมณะ อันนี้จะเป็นบุญกุศลของเรา นี่ถ้าเลี้ยงใจ เห็นไหม
เราเกิดมาจากไหน เราเกิดมานะ จิตตัวนี้มีอยู่โดยธรรมชาติของมัน ความรู้สึกนี้ฆ่าไม่ได้ เป็นสสารอันหนึ่ง เป็นธาตุรู้ ธาตุ ๖ ธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ นี้เป็นร่างกาย ธาตุ ๖ คืออากาศธาตุ คือความว่างในโพรง ในอวกาศ ความว่างในไขกระดูก มันจะมีอวกาศ แล้วก็ธาตุรู้ ธาตุ ๔ ธาตุ ๖ ธาตุ ๖ อันนี้ จิตตัวนี้เป็นสสารอันหนึ่ง มันไม่เคยตาย มันเวียนตายเวียนเกิด แล้วมันเกิดมาในปัจจุบัน เกิดมาจากพ่อจากแม่ เกิดมาจากในครอบครัวที่มีความสุข มีความสุขเพราะเราสร้างบุญกุศลของเราขึ้นมา
ต้องสร้างบุญกุศลขึ้นมา สิ่งนี้มันเป็นอำนาจวาสนา มันเป็นสิ่งที่ว่าสมดุลกับใจดวงนี้ อำนาจวาสนาคือความเหมาะสมกับครอบครัวนั้น กับใจดวงนั้น กับความสุขของใจดวงนั้น สิ่งนี้คืออำนาจวาสนา แล้วจิตนี้มาเกิดในสภาวะแบบนี้ แล้วเราอุปัฏฐาก เราช่วยเหลือกัน เราจุนเจือกัน จนจิตนี้มันไป มันต้องสละ
ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ธรรมะย่อมคุ้มครอง
คุ้มครองร่างกายส่วนหนึ่ง เพราะเราถือศีล ๕ เราไม่ทำลายเขา เราไม่ผิดศีล เราไม่ผิดธรรม คุ้มครองเราในชีวิตนี้ปกติพอสมควร
แต่การคุ้มครองคือมีธรรมในหัวใจ มันคุ้มครองใจตัวที่ไปเกิดไปตายนี่ จิตที่ไปเกิดไปตายมันมีธรรมะคุ้มครองไง สิ่งที่มีธรรมะคุ้มครอง ความเกิดความตายหดสั้นเข้ามา สิ่งที่หดสั้นเข้ามาเกิดจากอะไรล่ะ
เกิดจากเราอุปัฏฐากไง เกิดจากเราทำความสุขให้พ่อให้แม่ไง เกิดจากพ่อแม่ประพฤติปฏิบัติขึ้นมาเห็นจริงตามธรรมนั้นไง ถ้าพ่อแม่เห็นธรรมตามนั้น เราอุปัฏฐากใจดวงนี้ ใจดวงนี้ไปเกิดภพชาติสั้นเข้า ถึงที่สุดใจดวงนี้จะไม่ไปเกิดอีกเลย
สิ่งที่ไปเกิดอีก แล้วมันมีไหมล่ะความรู้สึกอันนั้นน่ะ ความรู้สึกอันนั้นมีแน่นอน เพราะความรู้สึกอันนี้ตายไม่ได้ ความรู้สึกอันนี้ ธาตุอันนี้ มันเป็นสสารอันนี้ มันคงที่ มันมีอยู่ตลอดไป เพียงแต่มันโดนอวิชชา โดนกิเลสตัณหาความทะยานอยากปกคลุมอยู่ แล้วมันดีดดิ้นไปตามอำนาจของมัน
แต่ในเมื่อเราเกิดมาเป็นมงคลในชีวิตไง มงคลชีวิต ถ้าคบบัณฑิต ไม่คบพาลขึ้นมา จากสละทาน จากวิปัสสนา จากตบะธรรม ถึงที่สุด นิพฺพานสจฺฉิกิริยา จ ถึงที่สุดจิตนี้หมดสิ้นจากกิเลส หมดสิ้น
เราอุปัฏฐากพ่อแม่ตั้งแต่การดำรงชีวิตปัจจัย ๔ แล้วอุปัฏฐากพ่อแม่จากภายในหัวใจ จากภายในหัวใจ จนใจดวงนี้ภพชาติสั้นเข้ามา จนถึงที่สุดใจนี้พ้นออกไปจากกิเลสได้ ถ้าพ้นออกจากกิเลสได้ ใจนี้ก็มีอยู่ แล้วเราทำกันถึงที่สุด เห็นไหม ศาสนาเราละเอียดอ่อนขนาดนี้
จิตนี้มาจากไหน ดำรงอยู่นี่ ทุกข์คืออะไร แล้วเห็นทุกข์ด้วยวิธีใด เห็นด้วยวิธีมรรค เหตุให้เกิดทุกข์ ตัณหาความทะยานอยาก สมุทัย ละสมุทัย นิโรธะ ความดับทุกข์อย่างไร นี่มันเกิดขึ้นได้
ความคิดหยาบๆ คบคนพาล คบบัณฑิตจากข้างนอกก็ส่วนหนึ่ง คบคนพาล คบบัณฑิตจากความรู้สึก จากความคิดอันหนึ่ง ถ้าความคิดนี้เป็นบัณฑิตนะ เราจะเป็นคนดีมากเลย แล้วครอบครัวจะมีความสุขกับเรามากเลย เพราะเราจะเป็นผู้ที่จรรโลงสกุล จรรโลงต่างๆ ในสกุลวงศ์ของเรา
ถ้าสกุลวงศ์ของเรา เราเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส ศากยบุตร บุตร สกุลขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นกษัตริย์ พระบวชมาเป็นลูกกษัตริย์นะ แต่ทำตัวสมกับเป็นลูกกษัตริย์ไหมล่ะ ถ้าทำตัวสมกับเป็นลูกกษัตริย์ เราก็จะเป็นลูกกษัตริย์โดยสมบูรณ์โดยธรรมวินัย
ถ้าเราทำตัวไม่สมกับเป็นลูกกษัตริย์ เราปฏิญาณตนไว้เป็นศากยบุตร บุตรของพระพุทธเจ้า บุตรของชาวศากยะ บุตรของกษัตริย์ แต่ทำตัวขนาดไหนล่ะ นี้มันอยู่ที่ในหัวใจของเรา
นี่ก็เหมือนกัน ดำรงตระกูล ดำรงของเรา ตระกูลของเราก็ส่วนหนึ่ง ตระกูลของศาสนา ประทุษร้ายสกุล ทำลายทั้งหมดถ้าประทุษร้าย แต่ถ้าทำคุณงามความดีจะเป็นบุญกุศลทั้งหมด นี่มันคือการกระทำของเรา ถึงต้องตั้งปัญญาขึ้นมา ถ้าจิตมันมีปัญญานะ ความรู้สึกจากภายใน สังขาร ความคิด ความปรุง ความแต่ง
เราไปศึกษาเล่าเรียนจากยุโรปมันเป็นวิชาการ เป็นวิชาชีพ กิเลสพาใช้ คือตัณหาความทะยานอยาก คือตัวตนของเรา คือความรู้สึกของเรา คือข้อมูลในหัวใจของเราไปจับวิชาการอันนั้น
แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปทำลายตัวตน คือทำลายตัวที่จะไปเอาวิชาการอันนั้น วิชาการอันนั้นเป็นวิชาชีพ คนดีหรือไม่ดีเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าเราว่าจิตของเราเป็นดี เรารักษาจิตของเราเป็นผู้ดี แล้วดีขึ้นมา ศีลธรรมจริยธรรมของเราถึงประเสริฐไง
ทางตะวันออก ทางตะวันออกมันเก่าแก่กว่า สิ่งที่เก่าแก่ ประสบการณ์อันนี้มา แต่ทางยุโรปประเทศชาติของเขาเพิ่งจะพัฒนาขึ้นมา สิ่งที่พัฒนาขึ้นมามันถึงเข้าไม่ถึงหัวใจสักเท่าไรไง ทางวิชาการเขาเจริญแน่นอน แต่ศีลธรรมจริยธรรมของเขาจะสู้ของเราไม่ได้ ศีลธรรมจริยธรรมคือความสุขและความจริง
ข้าวเอาไว้กินนะ ทางโลกนี้ สิ่งที่วัตถุต่างๆ ความเจริญของโลก เครื่องใช้อาศัย เราก็ตื่นเต้นไปกับเขา แต่ของที่ดำรงชีวิตได้คือข้าวนะ ปัจจัยเครื่องอาศัย ข้าว พืชไร่ต่างๆ ดำรงชีวิต นี้เป็นของจริง สิ่งที่เป็นวัตถุนั้นเป็นของอาศัย เป็นของเล่น ของจริงคือข้าว
หัวใจก็เหมือนกัน ตะวันออก ทางตะวันออกของเรา หัวใจสำคัญ ศีลธรรมของเราสำคัญ เราถึงต้องบำรุงหัวใจของเรา
เราไปเอาวิชาการของเขา แต่เสร็จแล้วเราก็ต้องมีศีลธรรม มีความรู้สึกของหัวใจ เพราะหัวใจเราเกาะเกี่ยวกับสกุลของเรา เราต้องดูแลสกุลของเรา เราต้องจัดการสกุลของเรา สิ่งนี้มันอาศัยกันชั่วคราว สิ่งที่อาศัย เราจะไปเอาความจริงไม่ได้ สิ่งที่เป็นความจริงคือสกุลของเรา คือจิตของพ่อแม่ของเรา คือจิตของเรา คือความเห็นของเรา ให้มันพัฒนาขึ้นไป เอวัง